วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

แบบฝึกหัดท้ายบทบทที่ 5 - 8


แบบฝึกหัด
บทที่ 5 การจัดการสารสนเทศ                        กลุ่มเรียน 2
รายวิชา  การจัดการสารสนเทศยุคใหม่ในชีวิตประจำวัน                    รหัสวิชา  0026008
ชื่อสกุล นาย ชนกนันท์ ศิระเลิศ      รหัส 54011326066
                 คำชี้แจง  จงตอบคำถามต่อไปนี้

1.)จงอธิบายความหมายของการจัดการสารสนเทศ
ตอบ  การจัดการสารสนเทศ หมายถึง การทำกิจกรรมหลักต่างๆ ในการจัดหา การจัดโครงสร้า การควบคุม ผลิต การเผยเเพร่และการใช้สารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานขององค์การทุกประเภทอย่างมีประสิทธิผล ซึ่งสารสนเทศในที่นี้หมายถึงสารสนเทศทุกประเภทที่มีคุณค่าไม่ว่าจะมีเเหล่งกำเนิดภายในหรือภายนอกองค์การ
        การจัดการสารสนเทศ หมายถึง กระบวนการดำเนินงาน เช่น ทำดรรชนี การจัดหมวดหมู่ การจัดเเฟ้มการทำรายการเพื่อการเข้าถึงเอกสารหรือสรสนเทศที่มีการบันทึกไว้ในรูปเเบบต่างๆตั้งแต่จดหมายเหตุ(Archive)เชิงประวัติ ถึงข้อมูลดิจิทัล
        การจัดการสารสนเทศ หมายถึง การดำเนินการกับสารสนเทศในระดับองค์การ ได้เเก่ การวางเเผนการ จัดสรรงบประมาณ การจัดโครงสร้างองค์การ การจัดเจ้าหน้าที่ การกำหนดทิศทาง การฝึกอบรม และการควบคุมสารสนเทศ
        กล่าวโดยสรุป คือ การจัดการสารสนเทศ หมายถึง การผลิต การจัดเก็บ ประมวลผล ค้นหา และเผยเเพร่ สารสนเทศโดยจัดให้มีระบบสรสนเทศ การกระจายของสารสนเทศ ทั้งภายในและภายนอกองค์การโดยมีการนำเทคโนโลยีต่างๆ โดยเฉพราะเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสารมาใช้ในการจัดการ รวมทั้นมินนโยบาย หรือ กลยุทธ์ระดับองค์การในการจักการสารสนเทศ
2.)การจัดการสารสนเทศมีความสำคัญต่อบุคคลและต่อองค์กรอย่างไร
ตอบ ความสำคัญของการจัดการสารสนเทศต่อบุคคล 
           ในด้านการดำรงชีวิตประจำวัน การศึกษาและการทำงานประกอบอาชีพ ต่างๆ การจัดการสารสนเทศอย่างเป็นระบบ โดยการจัดทำฐานข้อมูลส่วนบุคคลรวบรวมทั้งข้อมูลการดำรงชีวิต การศึกษา และการทำงานประกอบอาชีพต่างๆ ในการดำรงชีวิตประจำวันบุคคลย่อมต้องการสารสนเทศหบายด้านเพิื่อใช้ชีวิตได้อย่างราบรื่น มีความก้าวหน้า และมีความสนุข อาทิต่องการสารสนเทศเพื่อการดูแลรักษาสุขภาพ ต้องจัดการค่าใช้จ่ายในครอบครัว ค่าใช้จ่ายส่วนบุคคล การดูแลอาคารที่อยู่อาศัยต่างๆ ตลอดจนการเลี้ยงดูคนในครอบครัวให้เป็นบุคคลที่มีคุณภาพ มีความรู้ความสามารถที่ทำคุณประโยชน์แก่สังคม จึงจำเป็นต้องคัดกรองกสารสนเทศที่มีอยู่มากมายจากหลายเเหล่งเพิ่มจัดเก็บ จัดทำระบบ และเรียกใช้ได้อย่างสะดวกและรวดเร็วความสำคัญในด้านการศึกษา การจัดการสารสนเทศด้านระบบการศึกษา เอื้ออำนวยให้บุคคลสามารถเลือกระบบการศึกษา การเรียนรู้ได้อย่างเหมาะสมกับบถคคลแต่ละคน สามารถเรียนรู้และศึกษาได้ตลอดเวลาตามความสนใจเฉพาะตน โดยไม่จำเป็นต้องสอบเข้าศึกษาตามสถาบันการศึกษาที่จัดระบบที่มีชั้นเรียนตลอดไป บุคคลสามารถเลือกศึกษาโดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการศึกษา ตืดต่อกับสถานศึกษาในระะบเปิดหรือเรียนทางระบบออนไลน์ และเลือกเรียนได้ทุกระดับการศึกษา ทุกวัย นับเป็นปรัชญาการศึกษาตลอดชีวิต ความสำคัญในด้านการทำงาน บุคคลจำเป็นต้องใช้สารสนเทศทั้งที่เกี่ยวข้องกับองค์การ ภาระหน้าที่ ประกอบการทำงานทั้งระดับรริหารและระดับปฏิบัติการการจัดเก็บสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับความรับผิดชอบตามภารกิจส่วนตน ช่วยสนับสนุนให้สามารถทำงานให้ประสบความสำเร็จได้ทันการณ์ ทันเวลา
ความสำคัญของการจัดการสารสนเทศต่อองค์กร
          การจัดการสารสนเทศมีความสำคัญต่องค์กรการในด้านการบริหารจัดการ การดำเนินงาน และกฏหมาย ดังนี้
1)ความสำคัญด้านการบริหารจัดการ การบริหารจัดการในยุคโลกาภิวัตน์เป็นการบริหารภายใต้สภาวะที่มีการเปลี่ยนเเปลงอย่างรวดเร็ว และมีการเเข่งขั้นกันทางธุรกิจสูง ผู้บริหารต้องอาศัยสารสนเทศที่เกี่ยวข้องทั้งกับสภาพแวดล้อมภายในและภายนอกองค์การ เพื่อวิเคาะห์ปัญหา ทางเลือกในการแก้ปัญหาการตัดสินใจ ากรกำหนดทิศทางขององค์การ ให้สามารถเเข่งขันกับองค์การคู่เเข่งต่างๆ จึงจำเป็นต้องได้รับสารสนเทศที่เหมาะสม ถูกต้อง ครบถ้วน ทันการณ์ และทันสมัย เพื่อใช้ประกิบภารกิจตามหน้าที่ ตามระดับการบริหาร การจัดการสารสนเทศจึงนับว่ามีความสำคัญ ความจำเป็นที่ต้องมีการออกเเบบระบบการจัดการสารสนเทศที่มีประสิทธิภาพ การเลือกใช้เครื่องมือ เทคโนโลยี รวมทั้งกำหนดนโยบาย ากระบวนการและกฏระเบียบ เพื่อจัดการสารสนเทศให้เมาะกับสภาพการนำสารสนเทศไปใช้ในการบริหารงาน ในระดับต่างๆไม่ว่าจะเป็ระดับต้นหรือปฏิบัติการ ระดับกลาง และระดับสูง ให้สามารถบริหารงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
2)ความสำคัญด้านการดำเนินงาน สารสนเทศนับมีความสำคัญต่อการดำเนินงานในหลายลักษณะเป็นทั้งการเพิมประสิทธิภาพและความคล่องตัวในการดำเนินงานและหลักฐานที่บันทึการดำเนินงานในด้านต่างๆ ตามที่หน่วยงานดำเนินการ การจัดการสารสนเทศช่วยให้การใช้สารสนเทศเพื่อรองรับการปฏิบัติงานตามกระเเสงานหรือขึ้นตอน จึงสามารถเพิ่มประสิทธิภาพและความคล่องตัวในการดำเนินงาน เอื้อให้เข้าถึงและใช้สารสนเทศได้อย่างสะดวก การเป็นหลักฐานที่บันทึกการดำเนินงานเช่น กัญญาการตกลงลงนามร่วมกิจการระหว่าองค์การ รายงานทางการเงินประจำปี เป็นต้น เป็นารสนเทศที่ช่วยหน่วยงานผลิตและใช้ประกอบการดำเนินงานตาม ภาระหน้าที่ ตามข้อกำหนด ระเบียบ และแนวปฏิบัติในองค์การ สารสนเทศเหล่านี้ต้องมีการรวบรวม ประมวล และจัดอย่างเป็นระบบเพิ่มให้มีความเป็นปัจจุบัน ถูกต้อง ครบถ้วนและเหมาะสมกับงานนั้น และในการจัดการสารสนเทศทีแม้สิ้นสุดกระบวนการปฏิบัติงานแล้ว โดยเฉพาะสารสนเทศที่มีคุณค่า ยังต้องมีการจัดเก็บเป็นจดหมายเหตุเพื่อการใช้ประโยชน์
3)ความสำคัญด้านกฏหมาย การจัดสรรสารสนเทศเพื่อการดำเนินงาน จำเป็นต้องสอดคล้องกับกฏหมาย กฏ ระเบียบและข้อบังคับทั้งในระดับภายในและภายนอกองค์การ โดยเฉพาะสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับการเงินและบัญชีที่ต้องรวบรวมจัดเก็บอย่างต่อเนื่อง เป็นระบบ รวมทั้งมีการตรวจสอบความถูกต้องทั้งจากน่วยงานภายในองค์การ หรือจากหน่วยงานภายนอกตามกฏหมาย เช่น ผู้ตรวจสอบความถูกต้องทั้งจากหน่วยงานราชการ เช่น กรมสรรพากร การมสรรพสามิต และหน่วยงานเอกชน เป็นต้อน เพื่อเป็นการเเสดงสถานะทางการเงินขององค์การอย่างถูกต้อง และเป็นไปตรมกฏหมายและข้อบังคับต่างๆ อย่างครบถ้วน ท้งนี้ เนื่องจากการไม่ปฏิบัติตามกฏหมายหรือระเบียบข้อบังคับต้องมีบทลงโทษ
3.)พัฒนาการของการจัดการสารสนเทศเเบ่งออกเป็นกี่ยุค อะไรบ้าง
ตอบ  พัฒนาการของการจัดการสารสนเทศเเบ่งออกเป็น 2 ยุค ได้เเก่
1) การจัดการสารสนเทศด้วยระบบมือ
2) การจัดการสารสนเทศโดยใช้คอมพิวเตอร์
4.)จงยกตัวอย่างการจัดการสารสนเทศที่นิสิตใช้ในชีวิตประจำวันมา อย่างน้อย 3 ตัวอย่าง
ตอบ 1. การใช้บริการ ฝาก-ถอนเงิน ผ่านตู้ ATM
       2. การใช้โทรศัพท์เคลือนที่ หรือ โทรศัพท์มือถือในการติดต่อสื่อสาร
       3. การเล่นอินเตอร์เน็ต


แบบฝึกหัด
บทที่ 6 การประยุกต์ใช้สารสนเทศในชีวิตประจำวัน             กลุ่มที่เรียน   2
รายวิชาการจัดการสารสนเทศยุคใหม่ในชีวิตประจำวัน 
รหัสวิชา 0026 008ชื่อ -สกุล นาย ชนกนันท์ ศิระเลิศ รหัส 54011326066

คำชี้แจง  จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว

1.)การประยุกต์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์มาใช้ให้เกิดประโยชน์ เป็นความหมายของข้อใด?
    1. เทคโนโลยีสารสนเทศ
    2. เทคโนโลยี
    3. สารสนเทศ
    4. พัฒนาการ
2.)เทคโนโลยีสารสนเทศใดก่อให้เกิดผลด้านการเสริมสร้างความเท่าเทียมกันในสังคม?
    1. ควบคุมเครื่องปรับอากาศ
    2. ระบบการเรียนการสอนทางไกล
    3. การสร้างสื่อคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
    4. การพยากรณ์อากาศ
3.)การฝากถอนเงินผ่านตู้ ATM เป็นลักษณะเด่นของเทคโนโลยีสารสนเทศข้อใด?
    1. ระบบอัตโนมัติ
    2. เปลี่ยนรูปเเบบการบริการเป็นเเบบกระจาย
    3. เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการดำเนินการในหน่วยงานต่างๆ
    4. เทคโนโลยีสารสนเทศช่วยเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
4.)ข้อใดคือการประยุกต์ใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศ?
    1. ระบบการโอนถ่ายเงินทางอิเล็กทรอนิกส์
    2. บัตรเอทีเอ็ม บัตรเครดิต
    3. การติดต่อข้อมูลทางเครือข่าย
    4. ถูกทุกข้อ
5.)เทคโนโลยีสารสนเทศหายถึงข้อใด?
    1. การประยุกต์เอาความรู้มาทำให้เกิดประโยชน์ต่อมวลมนุษย์
    2. ข้อมูลต่างๆที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี
    3. การนำเทคโนโลยีด้านคอมพิวเตอร์มาสร้างข้อมูลเพิ่มให้กับสารสนเทศ
    4. การนำเอาคอมพวิเตอร์มาใช้ในการจัดเก็บข้อมูล
6.)เครื่องมือที่สำคัญในการจัดการสารสนเทศในยุคเทคโนโลยีสารสนเทศคืออะไร?
    1. เทคโนโลยีการสื่อสาร
    2. สารสนเทศ
    3. คอมพิวเตอร์
    4. ถูกทุกข้อ
7.)ข้อใดไม่ใช่บทบาทของเทคโนโลยีสารสนเทศ?
    1. เทคโนโลยีสารสนเทศช่วยเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
    2. เทคโนโลยีสารสนเทศสามารถเปลี่อนสั่งซื้อสินค้าจากที่บ้าน หรือสอบถามผลสอบได้
    3. เทคโนโลยีสารสนเทศทำให้บุคคลทุกระดับติดต่อกันได้อย่างรวดเร็ว
    4. เทคโนโลยีสารสนเทศทำให้มีการสร้างหอพักอาศัยที่มีคุณภาพ
8.)ข้อใดไม่ใช่อุปกรณ์ที่ช่วยงานด้านสารสนเทศ?
    1. เครื่องถ่ายเอกสาร
    2. เครื่องโทรสาร
    3. เครื่องมินิคอมพิวเตอร์
    4. โทรทัศน์ วิทยุ
9.)ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้องเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ?
    1. เป็นหัวใจสำคัญในการดำเนินธุรกิจ
    2. พัฒนาอย่างรวดเร็วทั้งทางด้านฮาร์ดเเวร์ ซอฟต์เเวร์ ข้อมูล และการสื่อสาร
    3. ไม่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์
    4. จะเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้น
10.)ข้อใดคือประโยชน์ที่ได้จากการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้กับการเรียน?
    1. ตรวจสอบผลการลงทะเบียน ผลการสอบได้
    2. สามารถสืบค้นข้อมูลได้จากเเหล่งข้อมูลที่มีอยู่ทั่วโลกได้
    3. ติดต่อสื่อสารกับเพื่อน ครู อาจารย์ หรือส่งงานได้ทุกที่
    4. ถูกทุกข้อ


แบบฝึกหัด 
บทที่ 7 ความปลอดภัยของสารสนเทศ กลุ่มที่เรียน  2
รายวิชาการจัดการสารสนเทศยุคใหม่ในชีวิตประจำวัน
รหัสวิชา 0026 008 

ชื่อ -สกุล 
นาย ชนกนันท์ ศิระเลิศ รหัส 54011326066

 คำชี้แจง จงตอบคำถามต่อไปนี้

1.)หน้าที่ของไฟร์วอลล์(Firewall)คืออะไร ?
ตอบ  ทำหน้าที่เป็นเครื่องมือรักษาความปลอดภัยให้กับเครื่องข่ายภายใน (Internet) โดยป้องกันผู้บุกรุก (Intrusion) ที่มาจากเครือข่ายภายนอก หรือเป็นการกำหนดนโยบายการควบคุมการเข้าถึงระหว่างเครือข่าย โดยสามารถกระทำได้โดยวิธีแตกต่างกันไป และแต่ระบบ ไฟร์วอลล์ มีขีดความสามารถในการไม่อนุญาตการ Login สำหรับผู้ที่ไม่มีสิทธิ์ในการเข้าใช้งานในเครือข่าย แต่ผู้ใช้ที่มีสิทธิ์ใช้งานทั้งภายใน และติดต่อภายนอกเครื่อข่ายได้โดยจำกัดข้อมูลจากภายนอกเคือข่ายไม่ให้เข้ามาในเครือข่าย นับเป็นจุดสังเกตการณ์ตรวจจับและรักษาความปลอดภัยของเครือข่าย เปรียบได้ดังยรมที่ทำหน้าที่เผ้าประตูเมือง
2.)จงอธิบายคำศัพท์ต่อไปนี้ ที่เกี่ยวข้องกับไวรัสคอมพิวเตอร์ worm,virus computer, spy ware,adware มาอย่างน้อย 1 โปรเเกรม
ตอบ 1. Worm (หนอนอินเตอร์เน็ต) เป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เช่นเดียวกับโปรแกรมไวรัส แต่แพร่กระจายผ่านเครือข่ายไปยังคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เครื่องอื่น ๆ ที่ต่ออยู่บนเครือข่ายด้วยกัน ลักษณะการแพร่กระจายคล้ายตัวหนอนที่เจาะไชไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ต่าง ๆ แพร่พันธุ์ด้วยการคัดลอกตัวเองออกเป็นหลาย ๆ โปรแกรม และส่งต่อผ่านเครือข่ายออกไป และสามารถแพร่กระจายผ่านทางอีเมล์ได้ ไม่ว่าจะเป็น Outlook Express หรือ Microsoft Outlook เช่น เมื่อมีผู้ส่งอีเมล์และแนบโปรแกรมติดมาด้วย ในส่วนของ Attach file ผู้ใช้สามารถคลิ๊กดูได้ทันที การคลิ๊กเท่ากับเป็นการเรียกโปรแกรมที่ส่งมาให้ทำงาน ถ้าสิ่งที่คลิ๊กเป็นเวิร์ม เวิร์มก็จะแอกทีฟ และเริ่มทำงานทันที โดยจะคัดลอกตัวเองและส่งจดหมายเป็นอีเมล์ไปให้ผู้อื่นอีก ลักษณะของเวิร์มจึงไม่ใช่โปรแกรม ที่เขียนเป็น .exe อย่างเดียว เพราะถ้า .exe อย่างเดียว ผู้ใช้จะเฉลียวใจ และเนื่องจากในโปรแกรมประยุกต์ของไมโครซอฟต์เกือบทุกโปรแกรมสามารถเขียนเป็น สคริปต์ไฟล์ หรือเป็นแมโครโฟล์ เพื่อให้รันสคริปต์หรือแมโครไฟล์ได้ เช่นในเวิร์ดก็จะมีการเขียนแมคโคร ในเอ็กซ์เซลก็เขียนได้เช่นกัน บนแพลตฟอร์มของวินโดว์จึงมีโอกาสที่จะเรียกไฟล์ขึ้นมารันได้หลายวิธี ข้อมูลที่ส่งมาถ้ามีแมคโครติดอยู่ ก็สามารถมีเวิร์มติดมาได้
2.virus computer (ไวรัส คอมพิวเตอร์) คือ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่พัฒนาขึ้นมา เพื่อก่อกวนทำลายระบบคอมพิวเตอร์ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลชุดคำสั่ง หรืออุปกรณ์ต่างๆ เช่น แผ่นดิสก์ ฮาร์ดดิสก์ หน่วยความจำคอมพิวเตอร์ และเป็นโปรแกรมที่สามารถกระจายจากคอมพิวเตอร์ตัวหนึ่ง ไปยังคอมพิวเตอร์อีกตัวหนึ่งได้โดยผ่านระบบสื่อสารคอมพิวเตอร์ เช่น โดยผ่านทาง แผ่นบันทึกข้อมูล (Diskette) หรือระบบเครือข่ายข้อมูล  ประเภทของไวรัสคอมพิวเตอร์ (แบ่งตามวิธีการติดต่อ)มีดังนี้
- boot sector viruses จะ copy ตัวมันเองลงบน แผ่น diskette และลงบน boot sector ของ hard disk (boot sector คือตำแหน่งที่เก็บคำสั่งที่จำเป็นต้องใช้เวลาเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์) เมื่อเราเปิด หรือreboot เครื่องคอมพิวเตอร์ boot sector viruses ติดต่อได้เพียงจากแผ่น diskette เท่านั้น แต่จะไม่ติดต่อเวลาใช้ไฟล์หรือโปรแกรมร่วมกัน ทุกวันนี้ boot sector viruses ไม่แพร่หลายเหมือนแต่ก่อน เพราะส่วนมากเดี๋ยวนี้เราจะ boot เครื่อง คอมพิวเตอร์จาก hard disk เป็นส่วนใหญ่
- program viruses จะติดต่อกับ executable files ซึ่งได้แก่ไฟล์ที่ลงท้ายด้วย .COM หรือ .EXE และยังสามารถติดต่อไปยังไฟล์อื่นๆซึ่งโปรแกรมที่ลง ท้ายด้วย .COM หรือ .EXE เรียกใช้ ไฟล์เหล่านี้ได้แก่ ไฟล์ที่ลงท้ายด้วย .SYS, .DLL, .BIN เป็นต้น 
-macro viruses จะติดต่อกับไฟล์ซึ่งใช้เป็น ต้นแบบ (template) ในการสร้างเอกสาร (documents หรือ spreadsheet) หลังจากที่ต้นแบบในการใช้สร้างเอกสารติดไวรัสแล้ว ทุกๆ เอกสารที่เปิดขึ้นใช้ด้วยต้นแบบอันนั้นจะเกิดความเสียหายขึ้น
3. Spyware คือ โปรแกรมที่แฝงเข้ามาในคอมพิวเตอร์ขณะที่คุณท่องอินเตอร์เน็ต ถูกเขียนขึ้นมาสอดส่อง การใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ และจะทำการเก็บพฤติกรรมการใช้งานอินเตอร์เน็ตของเรา รวมถึงข้อมูลส่วนตัวหลาย ๆ อย่างได้แก่ ชื่อ - นามสกุล , ที่อยู่ ,Email Address และอื่น ๆ ซึ่งอาจจะรวมถึงสิ่งสำคัญต่าง ๆ เช่น Password หรือ หมายเลข บัตรเครดิตของเราด้วย นอกจากนี้อาจจะมีการสำรวจโปรแกรม และไฟล์ต่าง ๆ ในเครื่องเราด้วย  และ Spyware นี้จะทำการส่งข้อมูลดังกล่าวไปในเครื่องปลายทางที่โปรแกรมได้ระบุเอาไว้ ดังนั้นข้อมูลต่าง ๆ ในเครื่องของคุณอาจไม่เป็นความลับอีกต่อไป spyware อาจเข้ามาเพื่อโฆษณาสินค้าต่าง ๆ บางตัวก็สร้างความรำคาญเพราะจะเปิดหน้าต่างโฆษณาบ่อย ๆ แต่บางตัวร้ายกว่านั้น คือ ทำให้ไม่สามารถใช้อินเตอร์เน็ตไม่ได้เลย
4. Adware คือ  software ที่แสดงโฆษณาหรือ download โฆษณาแบบอัตโนมัติหลังจากที่ computer ได้ทำการInstall program บนระบบปฏิบัติการบางชนิดของ adware นั้นยังเป็น spyware ด้วยโดยการเก็บข้อมูลของผู้ใช้งานเอาไว้และจะทำการส่งโฆษณาที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งานมาให้Adware เป็น software ที่ได้รับการผสมมากับตัวsoftwareหลักมันเป็นปรกติที่ programmer จะหาทางที่จะได้ผลประโยชน์จากการที่พัฒนาโปรแกรมขึ้นมา โปรแกรมพวกนี้มักจะมาในรูปแบบของโปรแกรม free หรือโปรแกรมประเภท Shareware โปรแกรมประเภทนี้มักจะมีข้อตกลงอยู่ในโปรแกรมว่าถ้าคุณใช้ software ของเรา free ทางเราจะขอทำการส่งโฆษณามาที่เครื่องของคุณเรื่อยจนกว่าทางท่านจะได้จ่ายเงิน ให้กับทางเราประมาณนี้ ซึ่งเราสามารถซื้อโปรแกรมนั้นมาได้ด้วยการคลิกที่ "registered" หรือ "licensed" แล้วรับรหัสปลด lock มา (serials) เช่น Sweet IM
123 Messenger,180 Solutions,180SearchAssistant,Zango เป็นต้น

3.)ไวรัสคอมพิวเตอร์มีกี่ชนิดอะไรบ้าง
ตอบ ไวรัสคอมพิวเตอร์มี 2 ชนิด ได้เเก่
     1. Application viruses จะมีผลหรือมีการเเพร่กระจายไปยังโปรเเกรมประยุกต์ต่าง เช่น โปรเเกรมประมวลผลคำ word processeng หรือโปรเเกรมตารางคำนวณเป็นตน
     2. System viruses ไวรัสชนิดนี้จะติดหรือเเพร่กระจายในโปรเเกรมจำพวกระบบปฏิบัติการ Operating systems หรือโปรเเกรมระบบอื่นๆ โดยไวรัสชนิดนี้มักจะเเพร่เชื้อในขณะที่เปิดเครื่องคอมพวิเตอร์
4.)ให้นิสิตบอกทางป้องกันไวรัสคอมพิวเตอร์มี่อย่างน้อย 5 ข้อ
ตอบ 1. ต้องมีการเปลี่ยนรหัสผ่านบ่อยๆ อย่างน้อยปีล่ะ 1 ครั้ง
       2. มีการกำหนดสิทธิการเข้าใช้ระบบในส่วนที่จำเป็นเท่านั้น
       3. มีการเข้ารหัสข้อมูลในคอมพิวเตอร์
       4. มีระเบียบปฏิบัติในการควบคุมอย่างชัดเเจ้งในการใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ
       5. ให้ความรู้อย่าสม่ำเสมอในเรื่องการรักษาความปลอดภัย การเตรียมตัวและการป้องกันการบุกรุกของเเฮกเกอร์ เเครกเกอร์ รวมถึงขั้นตอนการดูแลรักษาระบบคอมพิวเตอร์เมื่อถูกบุกรุก
5.)มาตรการด้านจริยธรรมคอมพิวเตอร์ที่ควบคุมการใช้อินเตอร์เน็ตที่เหมาะสมกับสังคมปัจจุบันได้เเก่
ตอบ ปัจจุบันได้มีความพยายามที่จะเเก้ไขปราบปรามการเผยเเพร่อย่างต่อเนื่อง โดยมีประเด็นดังนี้ ผู้ใดประสงค์เเจกจ่ายเเสดง อวดทำ ผลิตแก่ประชาชนหรือทำให้เผยเเพร่ซึ่งเอกสาร ภาพระบายสีสิ่งพิมพ์ เเถบบันทึกเสียง บันทึกภาพหรือเกี่ยวเนื่องกับสิ่งพิมพ์ดังกล่าว มีโทษจำคุก ปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับ 
โดยจะบังคับใช้กับผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ต เซิร์ฟเวอร์ รวามถึงสื่อทุกประเภทอย่างจริงจังและมีการ
มีการจัดทำโครงการจากกระทรวง ไอซีที ด้วยตระหนักในการทวีความรุนเเรงของปํญหา จึงจัดทำโครงการ ไอซีทีไซเบอร์เเคร์ (ICT Cyber Care)โดยต่อยอดจากไอซีทีไซเบอร์คลีน(ICT Cyber Clean)เเบ่งเป็ฯ 2 ส่วนคือ 1)ICT Gate Keeper เฝ้าระวังพิษภัยอินเทอร์เน็ตบนเครื่อข่ายและวงจรเชื่อมต่อระหว่างประเทศ (Geteway) พัฒนาซอฟต์เเวร์นี้โดยมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กระทรวงไอซีที ได้มอบหมายให้บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ดำเนินการเพิ่อเฝ้าระวังปิดกั้นข้อมูลไม่เหมาะสมตั้งแต่ต้นทาง
2) House Keeper ซึ่งจัดทำเป็นเเผ่นซีดีรอม และเเจกฟรีให้กับผู้ปกครองหรือดาวน์โหลดได้ฟรีจากเว็บไซต์ของกระทรวงโปรเเกรมนี้จะมี 3 ส่วน
- ส่วนเเรก คิดดี้เเค์ปิดกั้นเว็บไซต์อนาจารและเว็บที่ไม่เหมาะสมที่กระทรวงไอซีที มีข้อมูลคาดว่าจะช่วยป้องกันได้ในระดับหนึ่ง
- ต่อมาเป็ฯส่วนพิเพิลคลีน ติดไอคอนไว้ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ผู้ใช้จะคลิกเข้าไปเมื่อพบภาพลามกอนาจาร ประชาชนจึงสามารถเข้ามีบทบาทช่วยเฝ้าระวังภัยได้เช่นกัน
- ส่วนสุดท้าย สมาร์ทเกมเมอร์ (Smart Gamer) เเก้ปัญหาการติดเกมส์ และควบคุมการเล่นเกมส์ของเด็กๆ ผู้ปกครองจะเป็นผู้กำหนดระยะเวลาของการเล่นเกมส์และช่วยดูแลเรื่องความรุนเเรงของเกมส์แต่ละส่วนควรต้องมีการปรับปรุงให้ทันสมัยตลอดเวลา
    โปรเเกรมนี้จะพอช่วยบรรเทาปัญหาและเสริมสร้างความปลอดภัยในการใช้งานบนอินเตอร์เน็ตจากผองภัย เช่น กลุ่มเว็บโป๊ ลามกอนาจาร กลุ่มเว็บกระตุ้นอารมณ์ทางเพศ กลุามเว็บสอนใช้ความรุนเเรง ทารุน สอนเพศศึกศาเเบบผิดๆ ใช้ภาษาหยาบคาย สอนขโมยข้อมูลคอมพิวเตอร์เป็นต้น

แบบฝึกหัด 
บทที่ 8 การใช้สารสนเทศตามกฎหมายและจริยธรรม     กลุ่มที่เรียน 2 
รายวิชาการจัดการสารสนเทศยุคใหม่ในชีวิตประจำวัน รหัสวิชา 0026 008 
ชื่อ -สกุล 
นาย ชนกนันท์ ศิระเลิศ รหัส 54011326066

คำชี้แจง จงพิจารณากรณีศึกษานี้ 

1.)นาย A ทำการเขียนโปรเเกรมขึ้นมาโปรเเกรมหนึ่งเพื่อทดลองโจมตีการทำงานของคอมพิวเตอร์สามารถใช้งานได้ โดยทำการระบุ IP-Address โปรเเกรมนี้สร้างขึ้นมาเพื่อทดลองในงานวิจัย นาย B ที่เป็นเพื่อนสนิทของนาย A ได้นำโปรเเกรมนี้ไปทดลองใช้เเกล้งนางสาว C เมือนางสาว C  ทราบเข้าก็เลยนำโปรเเกรมนี้ไปใช้และส่งต่อให้เพิ่อนๆที่รุ้จัดได้ทดลอง การกระทำอย่างนี้เป็น ผิดจริยธรรม หรือผิดกฏหมายใดๆ หรือไม่ หากไม่ผิดเพราะเหตุใด และหากผิด ผิดในเเง่ไหน จงอธิบาย
ตอบ เป็นการกระทำที่ผิดจริยธรรม คือ นาย B และนางสาว C ไม่ได้ทำการขออนุญาติ นาย A อย่างถูกกิจลักษณะ อาจทำให้นาย A เสียหายได้ และผิดกฎหมาย คือ  กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Law) สาระของกฎหมายนี้มุ่งเน้นให้การคุ้มครองสิทธิในความเป็นส่วนตัว ไม่ให้มีการนำข้อมูลของบุคคลไปใช้ในทางมิชอบ

2.)นาย J ได้ทำการสร้างโฮมเพจ เพื่อบอกว่าโลกเเบนโดยมีหลักฐาน อ้างอิงจากตำราต่างๆ ที่อีกรูปประกิบเป็นการทำเพื่อความสนุกสนาน ไม่ได้ใช้ในการอ้างอิงทางวิชาการใดๆ เด็กชาย K เป็นนักเรียนในระดับประถมปลายที่ทำรายงานส่งครูเป็นการบ้านภาคฤดูร้อนโดยใช้ข้อมูลจากโฮมเพจของนาย J การกระทำอย่างนี้เป็ฯ ผิดจริยธรรม หรือผิดฏฏหมายใดๆ หรือไม่ หากไม่ผิดเพราะเหตุใด และหากผิดในเเง่ไหน จงอธิบาย
ตอบ  การกระทำนี้อาจกระทำขึ้นด้วยความสนุกสนาน ไม่ได้ตั้งใจทำให้เกิดความเสื่อมเสียถึงผู้ใด แต่การกระทำเช่นนี้อาจทำให้เกิดความรำคาญแก่ผู้อื่น จึงเป็นการทำผิดจริยธรรมโดยตรง ทั้งการปลอมหลักฐาน และการหลอกลวง โดยไม่มีการทำการพิสูจน์ และยืนยันจากผู้ที่มีความรู้ความสามารถและขาดความน่าเชื่อถือ อาจทำให้ตนเองหมดความน่าเวื่อถือไปด้วย 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น